วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2550

มหันตภัยไรฝุ่น

บ้าน คือ ศูนย์รวมความอบอุ่นคุณและครอบครัว จนบางครั้ง คุณคงนึกไม่ถึงสิว่าอาจกลายเป็นที่รวมภัยอันตรายสำหรับคุณ
ทราบหรือไม่นับวันฯ สภาวะในบ้านคุณ กำลังตกอยู่ท่ามกลางวงล้อม ของสารก่อโรคภูมิแพ้ เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย และที่สำคัญที่สุด เจ้าตัวไรฝุ่น ตัวอันตรายที่มองไม่เห็น โดยไรฝุ่นจัดอยู่ในพวก Astigmata Class Arachnida โดยสายพันธุ์ที่มีความสัมพันธ์ต่อการเกิดโรคภูมิแพ้ คือ
กลุ่มแรก PYROGLYPHIDAE
กลุ่มสอง GLYCYPHAGIDAE สายพันธุ์ที่สำคัญที่พบในประเทศไทย คือ Dermatophagoides pteronyssinus และ Dermatophagoides farinae



ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจวงจรชีวิตของมันก่อน ซึ่งเริ่มจากการผสมพันธุ์ของตัวเมีย และตัวผู้หลังจากนั้น 3-4 วัน จะออกไข่ครั้งละ 1 ใบ วันละ 3-4 ครั้ง ซึ่งจะใช้เวลาในการฟักตัว 8-12 โดยตัวอ่อนจะมี 6 ขา หลังจากลอกคราบแล้ว จะกลายเป็น 8 ขา
จากนั้น ก็จะเจริญเติบโตเต็มวัย มีขนาดประมาณ 0.3 มิลลิเมตร ลักษณะผิวตัวมีลายนิ้วมือ หายใจทางผิวหนัง ตัวผู้มี Aedeagus และ anal sucker ตัวเมียมี epigynail shield ตลอดชีวิตโดยไรฝุ่น 1 ตัว สามารถวางไข่ได้ถึงประมาณ 80-100 ฟอง แต่ละตัวมีอายุยืนไม่ใช่เล่นนาน 2-4 เดือน

ไรฝุ่นสามารถอาศัยอยู่ในที่อับชื้น 20-30 oC ซึ่งสภาวะอากาศที่มันชอบนักเหมาะแก่การขยายพันธุ์ โดยอาหารหล่อเลี้ยงที่ไรฝุ่นโปรดปรานเศษขี้ไคล สะเก็ดผิวหนังของเรานี่เอง เป็นอาหารจานโปรดเลยทีเดียว นี่คือเหตุผล ว่าทำไมพวกมันจึงชอบซุกซ่อนอยู่ตามใยผ้าพื้นพรม โดยเฉพาะที่นอนที่คุณกลิ้งไปมาทุกค่ำคืน นั่นล่ะ.. เป็นคลังอาหารขนาดยักษ์สำหรับไรฝุ่น แล้วลองนึกดูซิว่าที่นอน 1 หลัง มีไรฝุ่นกี่ตัว ตอนนี้คุณคงเกิดคำถามว่า โรคภูมิแพ้เกิดได้อย่างไร เพราะมูลไรฝุ่นที่ถ่ายมากถึง 200 เท่าของน้ำหนักตัว ที่มีสารก่อภูมิแพ้ที่เรียกว่า ALLERGENS เมื่อผู้ที่แพ้สารไรฝุ่นสูดเข้าไปทางระบบทางเดินหายใจ ก่อให้เกิดอาการจาม น้ำมูกไหล แน่นหน้าอก จนถึงโรคหืดหอบและอาจถึงชีวิตได้
ทีนี้คงเข้าใจแล้วสิว่า อันตรายอยู่ใกล้แค่ปลายจมูกเท่านั้น แต่ถ้าใส่ใจดูแล และป้องกันสุขภาพร่างกายที่ดีก็เป็นของคุณที่คุณรัก แล้วเวลานั้นคำว่าบ้านจะสื่อความหมายที่อบอุ่น ได้เต็มความหมาย
ฝุ่นในบ้าน (Home Dust) เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มีอาการคัดจมูก คัน จาม น้ำมูกไหล และผู้ป่วยที่เป็นหอบหืดจะมีอาการไอ หายใจหอบได้
ทำไมฝุ่นในบ้านสามารถทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ ?
ฝุ่นในบ้านประกอบด้วยสารหลายชนิด ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละบ้าน ขึ้นอยู่กับชนิดของเฟอร์นิเจอร์ วัสดุที่ใช้ก่อสร้างบ้าน สัตว์เลี้ยงในบ้าน ฯลฯ อย่างไรก็ตามก็พอจะสรุปได้ว่าฝุ่นในบ้านอาจมีตั้งแต่ใยผ้า (Fabric fibers) ขนสัตว์และขี้รังแคของสัตว์ ตัวไรฝุ่น ซากของแมลงสาป เชื้อรา เศษอาหาร สะเก็ดผิวหนังของคน (ใน 1 สัปดาห์ คน 1 คน จะมีสะเก็ดผิวหนังร่วงลงสู่พื้นบ้านประมาณ 5 กรัม หรือเท่ากับยาน้ำเด็ก 1 ช้อนชา) และเศษวัสดุอื่นๆ อีก คนไข้โรคภูมิแพ้อาจจะมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดในฝุ่น เมื่อหายใจเข้าไปก็จะทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้น
การแพ้ฝุ่นในบ้านเป็นเครื่องบอกว่าบ้านสกปรกใช่หรือไม่ ?
ไม่ใช่ บ้านที่สกปรกอาจทำให้ผู้ป่วยที่แพ้มีอาการแย่ลง แต่ในความเป็นจริง การดูแลทำความสะอาดในบ้านโดยทั่วๆ ไป อาจจะไม่เพียงพอที่จะช่วยลดอาการแพ้
เนื่องจากสารก่อภูมิแพ้ที่สำคัญในฝุ่นบ้านคือ ตัวไรฝุ่น (อันที่จริงสารก่อภูมิแพ้ คือ โปรตีนที่อยู่ที่ตัวของไรฝุ่น และอุจจาระของมัน) สารก่อภูมิแพ้นี้โดยปกติจะอยู่ที่เตียง พรม เฟอร์นิเจอร์ แต่จะฟุ้งกระจายในอากาศได้ง่าย เพียงแต่เราเดินไปบนพรม พลิกตัวบนเตียงนอน เมื่อผู้ป่วยหายใจเข้าไปก็จะทำให้เกิดอาการขึ้น
ไม่ว่าแม่บ้านจะทำความสะอาด โดยการปัดกวาด หรือใช้เครื่องดูดฝุ่น ก็จะไม่สามารถลดจำนวนตัวไรฝุ่นที่อยู่ลึกๆ ในพรม หรือฟูกที่นอนได้ ยิ่งกว่านั้น ก็อาจจะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายในอากาศเพิ่มขึ้นทำให้ผู้ป่วยมีอาการแย่ลงได้
ตัวไรฝุ่นคืออะไร ?
ตัวไรฝุ่นเป็นสัตว์ที่มี 8 ขา ตระกูลเดียวกับแมงมุมและเห็บ ตัวไรฝุ่นมีขนาดเล็ก 0.3 ม.ม. ซึ่งมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ชอบอากาศร้อนชื้น (อุณหภูมิมากกว่า 70 องศาฟาเรนไฮด์ ความชื้นสัมพัทธ์ 75-80%) ซึ่งประเทศไทยก็มีปัญหานี้มาก ปริมาณไรฝุ่นในกรุงเทพมหานครโดยเฉลี่ยประมาณ 3,000 ตัวในฝุ่น 1 กรัม (1 กรัม ประมาณเท่ากับคลิปหนีบกระดาษ 1 ตัว) ไรฝุ่น 1 ตัวมีชีวิตอยู่รอดได้ 30 วัน และจะปล่อยของเสียได้ 10-20 ส่วน ไรฝุ่นตัวเมียจะวางไข่ได้ครั้งละ 25-30 ฟอง ตัวไรฝุ่นดำรงชีพอยู่ได้ โดยกินสะเก็ดผิวหนัง และขี้รังแคของคนและสัตว์ และดูดน้ำจากอากาศได้ มันจะอาศัยอยู่ในพรม เตียงนอน เฟอร์นิเจอร์ที่มีขน ตู้เสื้อผ้า เบาะในรถยนต์ทุกแห่ง ที่มีสะเก็ดผิวหนังหล่นอยู่ ตัวไรฝุ่นไม่สามารถกัดคนได้ ไม่สามารถแพร่เชื้อโรคได้ ไม่สามารถอาศัยอยู่บนตัวคนได้ ตัวไรฝุ่นจะมีปัญหาเฉพาะกับที่คนแพ้มันเท่านั้น
เราจะทราบได้อย่างไรว่าแพ้ไรฝุ่น ?
ถ้าท่านมีอาการของโรคภูมิแพ้ที่จมูกหรือโรคหอบหืด และสงสัยว่าจะแพ้ไรฝุ่น แพทย์จะทำการตรวจที่ผิวหนัง (skin testing) หลังจากที่ถามประวัติตรวจร่างกายแล้ว การตรวจที่ผิวหนังเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ถูกที่สุดและไวที่สุด อย่างไรก็ตามในกรณีที่ไม่สามารถทำได้ แพทย์ก็อาจจะตรวจในเลือด (RAST test) ซึ่งขณะนี้ในประเทศไทยยังไม่สามารถทำได้
ในกรณีที่แพ้ไรฝุ่น เราจะลดอาการแพ้ได้อย่างไร ?
การรักษาสำหรับผู้ป่วยที่แพ้ไรฝุ่น มีดังนี้
1. หลีกเลี่ยงจากสารที่แพ้ (ไรฝุ่น)
2. การใช้ยารักษาอาการ ป้องกันอาการ
3. การฉีดยารักษาภูมิแพ้
ข้อ 1 เป็นข้อที่ได้ผลที่สุดในการลดอาการแพ้ (ถ้าทำได้)
เราจะหลีกเลี่ยงตัวไรฝุ่นได้อย่างไร ?
เป็นการยากที่จะเอาตัวไรฝุ่นออกจากบ้านทั้งหมด แต่เราก็สามารถลดจำนวนไรฝุ่นในบ้านได้โดย ในห้องนอนเป็นห้องที่สำคัญที่สุด
1. หาวัสดุมาคลุมฟูกที่นอน หมอน ซึ่งวัสดุนี้ ตัวไรฝุ่นและของเสียของมันไม่สามารถผ่านได้ (อาจใช้พลาสติกเย็บ คลุมได้) วิธีนี้สามารถลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้ได้ 100 เท่า
2. ใช้หมอนที่สามารถซักล้างได้ (ไม่ใช้หมอนที่มีขนเป็ด นุ่น ยาง)
3. ซักหมอนและผ้าคลุมเตียงในน้ำร้อนอย่างน้อย 60 องศาเซลเซียส อาทิตย์ละ 1 ครั้ง
4. เอาพรม ตุ๊กตาขนสัตว์ออกจากห้องนอน
5. ดูดฝุ่นอาทิตย์ละ 1 ครั้ง (ใช้ผ้าปิดจมูกขณะดูดฝุ่น) และใช้ผ้าเปียกเช็ดทำความสะอาดพื้น
6. ลดความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศให้น้อยกว่า 45% (เปิดแอร์ได้)

ไม่มีความคิดเห็น: